สัทอักษร (พินอิน)
ที่มาและความสำคัญของสัทอักษร(พินอิน)
อักษรจีนเป็นอักษรภาพ
ไม่ได้เกิดจากการประสมพยัญชนะแบบภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ
กล่าวคือ ในขีดแต่ละขีดของอักษรจีนนั้น
ไม่มีการแสดงถึงการออกเสียง การเรียนรู้ภาษาจีนจึง
ต้องอาศัยเครื่องหมายกำกับการออกเสียง
เพื่อช่วยในการเรียนการสอนภาษาจีน
และเพื่อให้
การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพและสะดวกมากยิ่งขึ้น
ประเทศสาธารณรัฐประชนจีนจึงได้พัฒนา
และประกาศให้ใช้ระบบอักษรกำกับการออกเสียงใหม่สำหรับอ่านอักษรจีนขึ้น
ซึ่งภาษาจีนเรียกว่า 汉语拼音 (สัทอักษร
หรือ Phonetic)
ส่วนประกอบของพินอิน
คำในภาษาจีนกลาง ประกอบด้วย พยัญชนะ
สระ และวรรณยุกต์ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
1. เสียงพยัญชนะ
1.1 เสียงพยัญชนะต้นของภาษาจีนมี 23 เสียงดังนี้
พินอิน
|
อ่าน
|
แทนเสียง
|
|
พินอิน
|
อ่าน
|
แทนเสียง
|
b
|
โป
|
ป
|
|
p
|
โพ
|
พ
|
m
|
โม
|
ม
|
|
f
|
โฟ
|
ฟ
|
d
|
เตอะ
|
ต
|
|
t
|
เธอะ
|
ธ,ท
|
n
|
เนอะ
|
น
|
|
l
|
เลอะ
|
ล
|
g
|
เกอ
|
ก
|
|
k
|
เคอ
|
ค
|
h
|
เฮอ
|
ฮ
|
|
j
|
จี
|
จ
|
q
|
ชี
|
ช
|
|
x
|
ซี
|
ซ
|
z
|
จือ
|
จ
|
|
c
|
ชือ
|
ช
|
s
|
ซือ
|
ซ
|
|
zh
|
จรือ
|
จร
|
ch
|
ชรือ
|
ชร
|
|
sh
|
ซรือ
|
ซร
|
r
|
ยรือ
|
ยร
|
1.2 เสียงพยัญชนะกึ่งสระมี 2 เสียง คือ
พินอิน
|
อ่าน
|
แทนเสียง
|
|
พินอิน
|
อ่าน
|
แทนเสียง
|
y
|
อี
|
ย
|
|
w
|
อู
|
ว
|
2. เสียงสระ
1. สระเดี่ยว มี 6 เสียงดังนี้
พินอิน
|
อ่าน
|
แทนเสียง
|
|
พินอิน
|
อ่าน
|
แทนเสียง
|
a
|
อา
|
-า
|
|
o
|
โอ
|
โ-
|
e
|
เออ
|
เ-อ
|
|
i
|
อี
|
ี
|
u
|
อู
|
ู
|
|
ü
|
อวี
|
-วี
|
2. สระประสม
พินอิน
|
อ่าน
|
แทนเสียง
|
|
พินอิน
|
อ่าน
|
แทนเสียง
|
ai
|
ไอย
|
ไ-ย
|
|
ei
|
เอย
|
เ-ย
|
ao
|
อาว
|
-าว
|
|
ou
|
โอว
|
โ-ว
|
an
|
อาน
|
-าน
|
|
en
|
เอิน
|
เ –ิ น
|
ang
|
อาง
|
-าง
|
|
eng
|
เอิง
|
เ –ิ ง
|
ong
|
อง
|
-ง
|
|
ia
|
เอียะ
|
เ –ี ยะ
|
*ie
|
เอีย
|
เ –ี ย
|
|
in
|
อิน
|
–ิ น
|
iao
|
เอียว
|
เ –ี ยว
|
|
iu
|
อิว
|
–ิ ว
|
ian
|
เอียน
|
เ –ี ยน
|
|
iang
|
เอียง
|
เ –ี ยง
|
ing
|
อิง
|
–ิ ง
|
|
iong
|
อีอง
|
–ีอง
|
ua
|
อวา
|
-วา
|
|
uo
|
อวอ
|
-วอ
|
uai
|
อวาย
|
-วาย
|
|
ui
|
อุย
|
-ุ ย
|
uan
|
อวาน
|
-วาน
|
|
un
|
อูน
|
- ูน
|
uang
|
อวาง
|
-วาง
|
|
ueng
|
เอวิง
|
เ-วิง
|
*üe
|
เอวีย
|
เ-วีย
|
|
üan
|
เอวียน
|
เ-วียน
|
ün
|
อวิน
|
-วิน
|
|
**er
|
เออ-ร
|
เออ-ร
|
* หากสระ e (เออ)
ตามท้ายสระตัวอื่นจะออกเสียงเป็นสระ ê (เอ)
** - r ด้านท้ายนั้นกำกับไว้เพื่อแสดงว่าเป็นเสียงที่จำเป็นต้องม้วนหดลิ้นให้ยกขึ้นไปแตะบริเวณเพดานแข็ง
กรณีที่มีเสียงพยัญชนะท้าย คือ - n หรือ - ng ตามหลังเสียงสระ
เสียง - n จะเทียบได้กับเสียง “แม่กน”
ในภาษาไทย และ - ng จะเทียบได้กับเสียง “แม่กง” ในภาษาไทย
ในบรรดาสระเดี่ยว 6 เสียง จะมีอยู่ 2 เสียง
คือ เสียงสระ i (อี) และ u (อู)
ที่ไม่สามารถใช้เป็นสระขึ้นต้นพยางค์ตามลำพังได้
จึงจำเป็นที่จะต้องมีพยัญชนะกึ่งสระ y (อี) และ w (อู) มาช่วยกำกับแทนที่สระ i (อี) และ u (อู) เช่น
i --- yi (อี)
ian ---
yan (เยียน)
in --- yin (ยิน)
u --- wu (อู)
ua --- wa (อวา)
uo ---
wo(อวอ) เป็นต้น
3. วรรณยุกต์
วรรณยุกต์ของจีนมีทั้งสิ้น
4 เสียงโดยแต่ละเสียงจะใช้เครื่องหมายวรรณยุกต์และมีชื่อเรียกเฉพาะ คือ เสียงที่ 1 เสียงที่ 2 เสียงที่ 3 และ เสียงที่ 4 เมื่อเทียบกับภาษาไทย สามารถเทียบเสียงได้ดังนี้
เสียงที่ 1
|
เสียงที่ 2
|
เสียงที่ 3
|
เสียงที่ 4
|
ā
|
á
|
ǎ
|
à
|
สามัญ
|
|
่
|
้
|
อา
|
อ๋า
|
อ่า
|
อ้า
|
กฎของการเติมวรรณยุกต์
1.
เครื่องหมายวรรณยุกต์จะใส่ไว้ตรงสระเท่านั้น ห้ามใส่ไว้บนพยัญชนะ
2. ห้ามใส่เครื่องหมายวรรณยุกต์ไว้บน –n –ng
3. ตำแหน่งการใส่เครื่องหมายวรรณยุกต์ จะใส่ไว้ตามลำดับสระพี่น้องดังนี้
ตัวอย่าง
1 ( คนโต )
|
2
|
3
|
4 ( ฝาแฝด )
|
5
|
|
a
|
o
|
e
|
i
|
u
|
ü
|
bāo gěi liè nüē tū
4. กรณีที่เป็นสระ i (อี)
ให้ใส่เครื่องหมายวรรณยุกต์ทับจุด เช่น lī
5. กรณีที่เป็นสระ ü (อวี) ให้ใส่เครื่องหมายวรรณยุกต์ไว้ข้างบนจุดจุด เช่น nǚ
6. กรณีที่เป็นสระฝาแฝด (i,u) ให้วางวรรณยุกต์ไว้ที่สระด้านหลังเสมอ เช่น
duī diū
7. กรณีที่เสียงวรรณยุกต์เสียงที่ 3 เจอเสียงวรรณยุกต์เสียงที่ 3 ด้วยกัน เสียงข้างหน้าจะเปลี่ยนเป็นเสียงที่
2 เช่น
* ˇˇ = ´ˇ
nǐhǎo ออกเสียงเป็น níhǎo (สวัสดี)
หนี่ห่าว
หนี
ห่าว
* ˇˇˇ
= ˇ´ˇ/ ´´ˇ
wǒ hěn hǎo ออกเสียงเป็น wǒ hén hǎo
หว่อ เหิ่น ห่าว หว่อ เหิน ห่าว
หรือ wó hén hǎo (ฉันสบายดีมาก)
หว๋อ เหิน ห่าว
* ˇˇˇˇ = ´ˇ´ˇ
wǒ yě hěn hǎo ออกเสียงเป็น wó yě hén
hǎo
หว่อ เย่ เหิ่น ห่าว
หว๋อ เย่ เหิน ห่าว
(ฉันก็สบายดีเหมือนกัน)